วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 16




วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียนวิชาการอบรมเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษแล้วอาจารย์ได้ชี้แจงเรื่องต่างๆให้นักศึกษาได้ทราบก่อนการปิดภาคเรียน เรื่องที่อาจารย์ชี้แจงมีเรื่องการสอบซ่อมของนักศึกษาที่สอบไม่ผ่าน เรื่องวันสอบFinalของวิชานี้ กำหนดวันเวลาส่งBlog  พูดชี้แจงเรื่องตารางเรียนเทอมหน้าและบอกเรื่องแนวข้อสอบ
หลังจากที่ชี้แจงเรื่องต่างๆเสร็จอาจารย์ให้นักศึกษาประเมินอาจารย์ในหัวข้อดังนี้
  1 ความรู้สึกหลังเรียนในรายวิชานี้
  2สิ่งที่ประทับใจในรายวิชานี้
  3 สิ่งที่ชอบและอยากให้อาจารย์คงไว้
  4สิ่งที่ไม่ชอบและอยากให้อาจารย์ปรับปรุง
   หลังนั้นก็ถึงช่วงเวลาที่เพื่อนๆทุกคนรอคอยนั่นคือ อาจารย์แจกรางวัลเด็กดี

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 15



  1.การส่งต่อจากครอบครัวหรือผู้เชี่ยวชาญ คือ ส่งต่อมาจากแพทย์หรือเด็กที่มีความพิการตั้งแต่แรกที่เห็นชัด เราก็จะมาสัมภาษณ์เบื้องต้น
     2.ประเมินพัฒนาการตามวัย
     3.การจัดแผนการศึกษาเฉพาะบุคคล คือ เพื่อวางแผนการเรียนรู้เฉพาะทักษะ 6 ด้าน ส่วนการจัดแผนการศึกษาเฉพาะครอบครัว เด็กอายุ 0-3 ขวบ จะจัดแผน IFSP
     4.การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะอย่างรอบด้าน
     5.การประเมิน
การออกแบบกิจกรรมเพื่อกระตุ้นพัฒนาการอย่างรอบด้าน
  • กิจกรรมพัฒนาการเคลื่อนไหว การทรงตัว ภาษา
  • กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก และสมาธิ
  • กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การรับรู้สัมผัส
  • กิจกรรมพัฒนาทักษะการมอง ทำตามคำสั่งและการสื่อสาร
  • กิจกรรมพัฒนาทักษะการมอง ทำตามคำสั่งและพื้นฐานวิชาการ
  • กิจกรรมพัฒนาทักษะการฟัง การทรงตัว การสัมผัส
ความรู้เพิ่มเติม
     Early Intervention : EI การให้บริการช่วยเหลือผู้ที่มีความบกพร่องประเภทต่างๆ ตั้งแต่แรกเกิดหรือแรกพบความพิการตามความต้องการจำเป็นพิเศษของแต่ละบุคคลโดยมุ่งการให้ความช่วยเหลือเริ่มต้นเร็วที่สุด ก็จะสามารถทำให้เด็กได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น
1. ความหมายของการให้บริหารช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม ( Early Intervention : EI )
     การให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม (Early Intervention : EI ) หมายถึงการจัดโปรแกรมที่เป็นระบบในการให้บริการด้านต่าง ๆ โดยเร็วที่สุดแก่เด็กที่มีความเสี่ยงทุกระดับทันทีตั้งแต่แรกเกิดหรือทันที ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีความพิการ โดยมุ่งเน้นการให้การศึกษากับพ่อแม่และครอบครัว ทั้งนี้มุ่งพัฒนาเด็กให้ได้รับบริการจากนักวิชาชีพที่หลากหลายทั้งด้านการ ศึกษา ด้านสุขภาพอนามัย การบำบัดรักษา ตลอดจนป้องกัน ความพิการที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการไปตามขั้นตอน เช่นเดียวกับเด็กทั่วไป หรือใกล้เคียงเด็กทั่วไปมากที่สุด
2. ความสำคัญในการให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม
     เบญจา ชลธาร์นนท์ (2538) ได้กล่าวถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มไว้ 4 ประการ ดังนี้
     (1) การให้การช่วยเหลือในระยะแรก ๆ ของชีวิตจะช่วยค้ำจุนพัฒนาการของเด็กและทำให้เด็กสามารถพัฒนาได้ถึงขีดสูงสุด
     (2) หากไม่ให้การช่วยเหลือที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านสุขภาพอนามัย ด้านจิตวิทยาและการศึกษาแล้ว เด็กที่มีความบกพร่องและเด็กที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (High risk group) ที่มีปัญหาในเรื่องพัฒนาการ อาจไม่สามารถพัฒนาทักษะของเขาในวัยตอนต้นของชีวิตและพัฒนาความสัมพันธ์ ที่จำเป็นที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
     (3) การให้บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มมีจุดมุ่งหมายสำคัญ เพื่อป้องกันความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างคลอด และแก้ไขความบกพร่องนั้น
     (4) การที่ประเทศไทยได้ยึดถือเอา “การเรียนร่วม” เป็นรูปแบบหนึ่งในการจัดบริการการศึกษาพิเศษให้แก่เด็กที่มีความบกพร่องต่าง ๆ เด็กเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับบริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม หรือการศึกษาระยะแรกเริ่ม เพื่อเตรียมให้สามารถเข้าเรียนร่วมในระดับอนุบาลศึกษา และประถมศึกษาต่อไป
ดังนั้นการให้ความช่วยเหลือเด็กพิการจึงควรเริ่มโดยเร็วที่สุด การให้ความช่วยเหลือเร็วเท่าใดยิ่งทำให้เด็กได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการค้นหาสภาพความพิการได้เร็วนั่นเอง


1. หากเด็กเริ่มยุกยิก หรือไปออกจากกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ ครูจะต้องสังเกตว่าเด็กลุกไปทำอะไร 
    อาจมีช่วงที่เด็กเหม่อลอย ครูควรเรียกชื่อ แล้วสัมผัสโดยลูกศีรษะ, จับมือ, จับแขน แล้วชวนให้
   ไปทำงานต่อโดยจูงเด็กกลับไปทำงาน 
2. ให้ความสนใจ เมื่อเด็กทำตัวดี ให้คำชื่นชมมากๆ
3. หากเด็กซนมากๆ ครูต้องลดแรงขับ เช่น ไม่ให้ออกไปเล่น เพราะหนูทำผิด
4. การพูดคุยกับเด็กให้พูดสั้นๆกระชับ เข้าใจง่าย เช่น "น้องปลาหยุด ไม่ทำ" 
5. สามารถจัดกิจกรรมบำบัดให้กับเด็กได้อย่างเหมาะสม เช่น ปั้นดินน้ำมัน เพื่อลดแรงขับ,
   เดินบนกระดาษไม้ หรือทางแคบๆ เพื่อควบคุมตนเอง, แกว่งชิงช้า เพื่อให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย เป็นต้น
6. สามาถจัดสภาพแวดล้อมในห้องเรียนให้เหมาะสมกับเด็กได้ เช่น การจัดวางของเล่นในมุมต่างๆ
   ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยมากที่สุด เพราะจะได้ไม่เป็นสิ่งกระตุ้น หรือดึงดูดให้เด็กเข้าไปหยิบเล่นซน
   ขณะที่ยังไม่ใช่เวลาเล่น เด็กจะได้มีสมาธิในกิจกรรมที่กำลังทำอยู่

การประเมิน


การประเมินตนเอง   : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกระเบียบ ตั้งใจเรียน และจดบันทึกเพิ่มเติม
                               ที่อาจารย์สอน ชอบดูวีดีโอที่อาจารย์นำมาสอน เพราะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ 
                               เป็นศูนย์ EI มีบุคคลากรที่ทำงานกับเด็กพิเศษ ให้การช่วยเหลือ เลี้ยงดูเด็ก
                               และสร้างเสริมพัฒนาการให้เด็กพิเศษ 
                               ดูแล้วรู้สึกอยากไปช่วยจัดกิจกรรมให้กับเด็กพิเศษมากค่ะ 
การประเมินเพื่อน     : เพื่อนบางคนเข้าเรียนตรงเวลาบ้าง และบางคนเข้าสายบ้างเล็กน้อย
                                แต่งกายถูกระเบียบ ตั้งใจเรียน มีการโต้ตอบ แสดงความคิดเห็นเมื่ออาจารย์ถาม 
                                ให้ความร่วมมือในการแสดงบทบาทสมมตต่างๆ เช่น ออย เล่นเป็นเด็กสมาธิสั้น 
                                ทำให้เพื่อนๆหัวเราะ และบรรยากาศในห้องเรียนเกิดความสนุกสนาน 
การประเมินอาจารย์  : เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย  อาจารย์มีเทคนิกในการสอนที่ 
                                ใครได้เรียนต้องบอกเลยว่า ติดใจ ^^ เพราะอาจารย์สอนสนุกทุกครั้ง
                                เอกสารประกอบการเรียนมีเนื้อหาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน 
                                อาจารย์สอนเทคนิกที่สามารถนำไปใช้ได้จริงกับเด็กพิเศษ 
                                มีการแสดงบทบาทสมมต เพื่อให้นักศึกษาได้เห็น และเข้าใจมากขึ้น
                                ซึ่งจะทำให้นักศึกษาจดจำได้ดีกว่าการสอนที่บรรยายล้วนๆ 
                                มีสื่อคือ วีดีโอที่ให้ความรู้ และน่าสนใจมาก สามารถนำไปใช้ได้จริงกับเด็กพิเศษ

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 14





     วันนี้ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากในวันอังคาร ที่ 18 หรือ วันพรุ่งนี้ มีกิจกรรมใหญ่ที่นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จัดทำขึ้น อาจารย์จึงได้สละเวลาที่เราเรียน มาให้ได้จัดกิจกรรม

ประสบการณ์ที่ได้รับ
 ได้มีส่วนร่วมในการทำงานกลุ่มกับเพื่อน เพราะเราได้แบ่งงานแบ่งหน้าที่กันแล้วว่าใครรับผิดชอบในส่วนไหน ในกลุ่มของดิฉันได้ในส่วนของการประชาสัมพันธ์ ก็แบ่งกันไปอีกว่าใครรับผิดชอบส่วนไหนใครทำส่วนไหนกันบ้าง ดิฉันได้รำสี่ภาคร่วมกับเพื่อน secอื่นๆ ซึ่งก็ได้ร่วมร่วมกันซ้อมรำ ซึ่งมีสนุกสนานกันมาก ได้พูดคุยสนธนากันในการทำงานนั้นเอง
#ในวันงานก็ได้ร่วมเข้าชมการแสดงต่างๆที่เพื่อนๆในเอกเป็นคนแสดง จากการแสดงก็สนุกสนาน น่าตื่นตาตื่นใจ มีการแสดงหลากหลาย ที่ชอบสุดคือเซิ้งตังหวาย เป็นชุดการแสดงของภาคอีสานจังหวะสนุกสนานเร้าความสนใจ นักแสดงก็ยิ้มกันทุกคนเลย และเพื่อนๆของดิฉันก็เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงนี้ด้วย


ภาพการซ้อม






ภาพกิจกรรมภายในงาน
















วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 13

ค้นคว้าเพิ่มเติม



การนำไปประยุกต์ใช้
     นำไปเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมให้กับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ควรจัดให้ถูกต้องเด็กได้รับพัฒนาการที่ดีเหมาะสมตามวัย หรือนำไปให้คำปรึกษา ให้ความรู้วิธีการเลี้ยงดูให้กับพ่อแม่เด็กที่มีความต้องการพิเศษ

การประเมินผล
  • การประเมินตนเอง - การแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกระเบียบ เข้าห้องเรียนตรงต่อเวลา ตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน บางครั้งอาจคุยบ้าง ชอบที่อาจารย์สอนในรายละเอียดที่ลึกลงไปอีก รู้สึกสนุกและมีความสุขเวลาที่อาจารย์แสดงบทบาทสมมติ เป็นกันเอง
  • การประเมินเพื่อน - แต่งกายสะอาดเรียบร้อย สนุกสนานกับการเรียน ทุกคนต่างสนใจในการเรียนการสอน และตั้งใจฟังอาจารย์ยกตัวอย่างประสบการณ์
  • การประเมินอาจารย์ - การแต่งกายสะอาดสุภาพ อาจารย์สอนเนื้อหาละเอียด มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังเยอะแยะทำให้เด็กนึกภาพตามได้ แสดงบทบาทสมมติทำให้เกิดเสียงหัวเราะ สนุกสนานในการเรียน ไม่เครียด

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 12

ความรู้ที่ได้เรียนวันนี้  

                วันนี้อาจารย์บอกคะแนนที่ได้สอบในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งผลคะแนนที่ออกมานั้นก้ถือว่าเป้นที่น่าพอใจของอาจารย์และทุกคน  ดิฉันได้ TOP ด้วยคะแนน 52 คะแนนจากคะแนนเต็ม 60 คะแนน ในความคิดเห็นดิฉันมีความพึงพอใจและยินดีกับคะแนนที่ได้เพราะได้อ่านหนังสือมาพอสมควรและเฉลยคำตอบของข้อสอบ ทั้ง 60 ข้อ เพื่อให้นักศึกษาได้ทบทวนเนื้อหาที่ได้เรียนมา และได้เข้าใจ เนื้อหาทั้งหมดอย่างถูกต้อง 

การนำไปประยุกต์ใช้

1. สามารถสังเกตลักษณะ และแยกประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษได้ 
    ทำให้จัดการเรียนการสอนได้ตรงกับพัฒนาการของเด็ก
2. จัดกิจกรรมเพื่อบำบัดเด็กที่มีความบกพร่องในนด้านต่างๆ ได้ เช่น เด็กสมาธิสั้น มีวิธีการบำบัดดังนี้ 
    - Self Control   >> การควบคุมตนเอง  เช่น ให้เด็กได้เคลื่อนไหวช้าๆ, เดินบนทางแคบๆ
    - Exert              >>ออกแรง  ลดภาวะอยู่ไม่นิ่ง  เช่น ให้เด็กดึงดินน้ำมัน, วิ่งเก็บลูกบอล
    - Relaxation Training   >>ผ่อนคลาย   เช่น นั่งชิงช้า, เดินย่องๆ เบาๆ 
3. สามารถให้ความรู้แก่ผู้ปกครองได้ เช่น เด็กที่สมาธิสั้น ซึ่งไม่ได้มีสาเหตุมาจากการอบรมเลี้ยงดูที่
    ไม่ดี แต่เกิดจากการทำงานของสมองที่ควบคุมเรื่องสมาธิของเด็ก 
4. สามารถอบรมเลี้ยงดูเด็กที่มีความต้องการพิเศษได้โดยไม่กลัวเด็ก 
5. ฝึกเด็กให้เกิดการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ค่อยเป็นค่อยไป เช่น เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ 
    ก็ฝึกในเรื่องของการใช้ภาษา การอ่าน และการเขียน โดยไม่ตำหนิติเตียน หรือไม่กดดันเด็ก 
    แต่จะให้กำลังใจ เพราะกำลังใจสำคัญที่สุด ^^ 


การประเมิน


การประเมินตนเอง    :  เข้าเรียนตรงเวลา แต่งการถูกระเบียบ สนใจ และตั้งใจฟังที่อาจารย์
                                   ได้เฉลยคำตอบในข้อสอบที่สอบในสัปดาห์ที่แล้ว 
                                   อยากรู้คำตอบที่ถูกต้อง  เมื่ออาจารย์เฉลยคำตอบที่ถูกต้อง
                                   พร้อมกับอธิบาย   ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น ว่าในข้อที่ตอบผิด 
                                   ที่จริงแล้วตอบอะไรจึงจะถูก  เพื่อจะได้นำความรู้ที่เรียน
                                   มาไปใช้ได้อย่างถูกต้อง  ก่อนที่จะรู้คะแนน รู้สึกตื่นเต้น 
                                   แล้วเมื่อรู้คะแนนก็รู้สึกพึงพอใจกับคะแนนมาก
                                   และจะนำความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องครั้งนี้ไปพัฒนา
                                   ความสามารถของตนเอง และนำไปใช้สอนกับเด็กๆ
                                   ให้เด็กมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น

การประเมินเพื่อน     :  เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายถูกระเบียบ 
                                   เพื่อนๆคุยกันบางครั้ง ถูกอาจารย์ว่ากล่าวตักเตือน
                            
การประเมินอาจารย์  : เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย  
                                   อาจารย์ได้เฉลยคำตอบในข้อสอบที่สอบในสัปหาด์ที่แล้ว
                                   พร้อมอธิบายทุกข้อ  ทำให้นักศึกษาได้เข้าใจเนื้อหาอย่างถูกต้อง
                                   ไม่สับสน  อาจารย์ทบทวนเนื้อหาที่ผ่านมา และยกตัวอย่างจาก
                                   ประสบการณ์จริง   มีการใช้คำถาม ทำให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วม 
                                   ในการตอบคำถาม  ตามความคิดของตนเอง  
                                   อาจารย์อารมณ์ดี ยิ้มแย้ม สอนสนุก ทำให้ยรรยากาศในห้องเรียน
                                   เกิดความสนุกสนาน ไม่เครียด 

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 11

สอบเก็บคะแนนค่ะ



วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สัปดาห์ที่ 10


การนำไปประยุกต์ใช้
     รู้สาเหตุของเด็กแต่ละกลุ่มเป็นอย่างไร วิธีการสอนควรเป็นแบบไหน สามารถนำไปเป็นแนวความรู้ในการเรียนการสอนของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เวลาจัดกิจกรรมหรือช่วงการเรียนควรปรับใช้การสอนให้ตรงกับพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละกลุ่ม เพื่อที่เขาจะได้พัฒนาการดียิ่งขึ้นอย่างเหมาะสมตามวัย
การประเมินผล
•การประเมินตนเอง - การแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกระเบียบ เข้าห้องเรียนตรงต่อเวลา
•การประเมินเพื่อน - สนุกสนานในการเรียนการสอน
•การประเมินอาจารย์ - การแต่งกายสะอาดสุภาพ เล่าประสบการณ์ของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ พร้อมแสดงบทบาทสมมติได้เหมือนจริงทำให้มองเห็นภาพ